About

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

วันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2556

กรมศุลฯจ้องขยับราคากลางรถนำเข้า ดีเดย์เปิดประมูลรถหรูเลี่ยงภาษีก.ค.นี้





"กรมศุลฯ" เข้มกวดขันรถนำเข้า แย้มเตรียมปรับราคากลางเพิ่มอีกระลอก เหตุราคากลางยังต่ำกว่าความเป็นจริง ย้ำไม่ได้กีดกันธุรกิจ พร้อมเปิดประมูลรถนำเข้าเลี่ยงภาษี ก.ค.นี้

นายราฆพ ศรีศุภอรรถ รองอธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีความเข้มงวดในการตรวจสอบรถนำเข้าว่า จากกรณีที่ภาครัฐที่กำหนดให้การนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศ ตามพระราชกฤษฎีกาในการจดทะเบียนรถยนต์ ที่รถนำเข้าจากต่างประเทศจะต้องผ่านขั้นตอนในการตรวจค่าไอเสียจากสำนักงาน มาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.) ก่อนจึงจะนำรถไปจะทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกได้นั้น ทำให้ปัจจุบันยอดนำเข้ารถยนต์ในไตรมาสแรกของปีนี้ลดเหลือเพียง 5% เท่านั้น เมื่อเทียบกับช่วงระยะเวลาก่อนหน้านี้ในปี 2553-2554 ที่ยังไม่ได้มีมาตรการเหล่านี้ออกมา

โดย ในปีที่ผ่านมาจำนวนรถยนต์นำเข้าจากเกรย์มาร์เก็ตอยู่ที่ 12,936 คัน หรือคิดเป็นมูลค่า 22,037 ล้านบาท ซึ่งการที่ยอดนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศลดลงนั้นก็ส่งผลกระทบต่อรายได้ของ ประเทศ แต่ภาครัฐก็จะเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีสินค้าทุกชนิดมากขึ้น

สำหรับ รถยนต์ที่ยังคงอยู่ที่ท่าเรือนั้น ขณะนี้ก็มีรถนำเข้าค้างอยู่ที่ท่าเรือกว่า 1,000 คัน เป็นเวลากว่า 6 เดือนแล้ว ทางกรมศุลลากรมองว่าผู้ประกอบการก็ต้องประสานงานไปยังสำนักงานมาตรฐาน อุตสาหกรรมเพื่อยื่นเรื่องขอรับการตรวจสอบ จากนั้นกรมศุลกากรจึงจะสามารถตรวจปล่อยรถเพื่อนำไปตรวจสอบค่าไอเสียได้ ซึ่งเมื่อผู้ประกอบการสามารถประสานงานไปยัง สมอ.ได้แล้ว ทางกรมศุลกากรก็มีความยินดีที่จะให้ความร่วมมือในการตรวจปล่อยรถอย่างเต็ม ที่ ก่อนหน้านี้ภาครัฐก็ได้อำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการในหลายด้าน ทั้งการอนุโลมสำหรับรถที่นำเข้าหลังวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่ออกจากท่าเรือแล้ว แต่ยังไม่ได้จดทะเบียน ให้ไม่ต้องนำรถเข้ามาตรวจสอบ รวมถึงลดค่าใช้จ่ายการทดสอบค่ามลพิษรถยนต์เบนซิน จากเดิมคันละ 120,000 บาท เหลือ 44,000 บาท ส่วนรถยนต์ดีเซลคิดค่าทดสอบในอัตราเดิมที่ 40,000 บาท

ซึ่ง แม้จะมีการผ่อนปรนในบางเรื่อง แต่ก็ยังคงเพิ่มความเข้มงวดด้านการกำหนดราคากลาง จากก่อนหน้านี้ได้มีการทยอยปรับราคากลางในการนำเข้ารถยนต์เพิ่มขึ้นในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ราว 4-5 ครั้ง ปรับครั้งละประมาณ 10% ทำให้ราคากลางเพิ่มขึ้นราว 50% เนื่องจากที่ผ่านมามีผู้ประกอบการบางรายที่แจ้งราคารถต่ำกว่าความเป็นจริง และในปีนี้ทางสำนักมาตรฐานราคายังคงต้องตรวจสอบราคาที่ถูกต้อง และทำให้ในปีนี้น่าจะมีการปรับราคากลางขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะปรับขึ้นในช่วงใด เนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณา

"เวลานี้ภาษีที่เราจัดเก็บ ได้ต่ำกว่าที่คาดไว้นิดหน่อย เนื่องจากจำนวนรถนำเข้าที่หายไป จากที่ผ่านมาผู้ประกอบการไม่ได้นำรถเข้าไปตรวจสอบที่ สมอ. อาจจะเพราะเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้น แต่ขั้นตอนการนำเข้าก็ต้องมีความถูกต้องด้วย หน่วยงานภาครัฐเรามีการพุดคุยกันตลอดเพื่อทำให้ธุรกิจเดินต่อไปได้ เราก็อยากอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการอยู่แล้ว" นายราฆพกล่าว

การ ที่กรมศุลกากรได้ร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ กวดขันในด้านการตรวจสอบนั้น ไม่ใช่เพื่อเป็นการปิดกั้นการทำธุรกิจของผู้ประกอบการแต่ต้องการสร้าง มาตรฐาน ทำให้ผู้ประกอบการบางรายที่นำเข้าอย่างไม่ถูกวิธี หรือไม่รับผิดชอบรถของลูกค้านั้นไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อได้ ส่วนผู้ที่ดำเนินการตามขั้นตอนนั้นก็จะสามารถทำธุรกิจต่อไปได้ ซึ่งก็ต้องมีการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค ด้วยการจำหน่ายสินค้าในราคาที่ถูกต้อง และต้องมีการพัฒนาคุณภาพด้านต่าง ๆ มากขึ้น

ล่าสุดทางกรมศุลกากรได้ตกลงเซ็นสัญญากับบริษัทสหการประมูล ในการให้สหการประมูลเป็นผู้ดำเนินการประมูลขายทอดตลาดรถยนต์ ของกลางที่ถูกลักลอบนำเข้าประเทศโดยเลี่ยงการเสียภาษี ประจำปีงบประมาณ 2556-2557 จำนวนประมาณ 300 คัน ซึ่งมีทั้งรถยนต์หรูและรถยนต์ทั่วไป โดยรถยนต์หรูมีสัดส่วนราว 5% จากจำนวนรถทั้งหมด ที่จะเปิดประมูลในวันที่ 17 กรกฎาคมนี้ และจะเปิดโอกาสให้ประชาชนที่สนใจประมูลสามารถเข้ามาดูรถได้ในวันที่ 15-16 กรกฎาคม โดยจะมีเจ้าหน้าที่ของสหการประมูลคอยให้ข้อมูลและคำแนะนำในการประมูลรถ รวมถึงผู้ที่สนใจก็สามารถลงทะเบียนประมูลผ่านทางเว็บไซต์ หรือใช้บริการ โมบาย บิด ได้คาดว่าการเปิดประมูลครั้งนี้จะสามารถสร้างรายได้ให้กับภาครัฐราว 300 ล้านบาท

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น